เงินบาทฟื้นตัวแข็งค่า แตะระดับ 35.65 บาท จุดสนใจเงินเฟ้อ PCE สหรัฐ

วันที่ 26 ม.ค. น.ส.กาญจนา โชคไพศาลศิลป์ ผู้บริหารงานวิจัย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 35.65-35.67 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงเช้าวันนี้ (09.40 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 35.73 บาทต่อดอลลาร์ โดยเงินบาทฟื้นตัวขึ้นบางส่วน ขณะที่แรงหนุนของเงินดอลลาร์ มีน้อยลง เนื่องจากตลาดปรับจุดสนใจกลับมารอติดตามข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐ (PCE/Core PCE Price Indices) ที่จะรายงานออกมาในคืนนี้อย่างใกล้ชิด นอกจากนี้เงินบาทยังมีปัจจัยบวกจากการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลก และสัญญาณที่สะท้อนว่า นักลงทุนต่างชาติน่าจะมีสถานะอยู่ในฝั่งซื้อสุทธิพันธบัตรไทยในวันนี้ด้วยเช่นกันคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 35.60-35.80 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขส่งออกเดือน ธ.ค. ของไทย สัญญาณเงินทุนต่างชาติ ทิศทางของเงินหยวนและสกุลเงินอื่นๆ ในเอเชีย และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ประกอบด้วย ยอดขายบ้านที่รอปิดการขาย และตัวเลขเงินเฟ้อที่วัดจาก PCE/Core PCE Price Indices เดือน ธ.ค. ของสหรัฐคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

เทศกาลลอยกระทง 2566 เงินสะพัดแตะหมื่นล้านครั้งแรกรอบ 8 ปี

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ได้สำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายประชาชนช่วงวันลอยกระทง พบว่า บรรยากาศคึกคัก และสนุกสนานกว่าปีที่ผ่านมา ทำให้มีเงินสะพัด หรือมูลค่าการใช้จ่ายมากถึง 10,000.5 ล้านบาท เป็นมูลค่าแตะระดับหมื่นล้านบาทครั้งแรกในรอบ 8 ปีนับจากปี 59 และมีอัตราการขยายตัว 3.3% เมื่อเทียบกับปี 65 ที่มีมูลค่าใช้จ่าย 9,686 ล้านบาท คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

ซึ่งส่วนใหญ่นำเงินเดือน/รายได้ปกติมาใช้ รวมถึงเงินออมด้วย โดยค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ จะหมดไปกับค่าเดินทาง รับประทานอาหารนอกบ้าน ทำบุญ ชอปปิง ซื้อกระทง ซื้อเครื่องดื่มทั้งมีแอลกอฮอล์และไม่มี ซื้อชุดไปงานลอยกระทง ท่องเที่ยวคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

สำหรับมูลค่าเงินสะพัดดังกล่าวเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาเป็นอย่างไร มากถึง 47.4% บอกเท่าเดิม, 31.1% เพิ่มขึ้น และอีก 21.5% ลดลง โดยกลุ่มที่เพิ่มขึ้น เพราะราคาสินค้าแพง มีกิจกรรมที่ต้องเสียเงินเยอะขึ้น มีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ เศรษฐกิจดีขึ้น หนี้สินลดลง รายได้เพิ่ม รายได้จากงานพิเศษเพิ่มขึ้น มั่นใจรายได้ในอนาคต ส่วนกลุ่มที่ใช้จ่ายลดลง เพราะราคาสินค้าแพงขึ้น รายได้ลด หนี้สินเพิ่ม ค่าครองชีพเพิ่ม ต้องการประหยัด เศรษฐกิจยังไม่ฟื้น ไม่มั่นใจรายได้ในอนาคต ตกงาน

“แม้ค่าใช้จ่ายสูงสุดรอบ 8 ปี และประชาชนรู้สึกสนุกกว่าปีก่อน แต่คนยังระมัดระวังการใช้จ่าย เพราะคนตอบว่า ใช้จ่ายลดลงจากปีก่อน มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น สะท้อนให้เห็นว่า คนยังรายได้ไม่พอใช้จ่าย ราคาสินค้าแพง สะท้อนให้เห็นว่า เศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวไม่เด่นชัด แต่คนก็รู้สึกว่า เศรษฐกิจไม่แย่ เพียงแค่มีสัญญาณนิ่งๆ ซึมๆ อยู่ในช่วงชะลอตัว แต่คนก็ยังหวังว่า ไตรมาส 4 ปีหน้าเป็นต้นไป เศรษฐกิจจะฟื้น เพราะเงินดิจิทัล จะเริ่มใช้จ่ายเดือนพ.ค.67 ซึ่งจะช่วยกระตุก กระตุ้นเศรษฐกิจ ประกอบกับ การส่งออก และการท่องเที่ยวที่คาดจะดีขึ้นกว่าปีนี้ ส่วนปีนี้ คาดว่า เศรษฐกิจจะเติบโต 2.4-2.5%”

เปิดท็อป 10 รัฐวิสาหกิจ ส่งรายได้เข้าหลวงเยอะสุดรอบปี คอหวยซื้อไม่แผ่วดันกองสลากยืนหนึ่ง

ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ได้กำหนดเป้าหมายปีงบประมาณ 2566 ในการจัดเก็บเงินนำส่งรายได้แผ่นดินจากรัฐวิสาหกิจและกิจการที่กระทรวงการคลังถือหุ้นต่ำกว่าร้อยละ 50 จำนวน 149,600 ล้านบาท

โดย ข้อมูลล่าสุด ณ สิ้นไตรมาส 3 ปีงบประมาณ 2566 (1 ตุลาคม 2565-30 มิถุนายน 2566) สคร. สามารถจัดเก็บเงินนำส่งรายได้แผ่นดินฯ รวมทั้งสิ้นจำนวน 122,830 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 82 ของเป้าหมายการจัดเก็บในปีงบประมาณ 2566 ต่ำกว่าประมาณการสะสม 573 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ในข้อมูลการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจเข้าแผ่นดินส่วนใหญ่ มาจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล มาเป็นอันดับหนึ่ง เนื่องจากพบว่าสถิติการจำหน่ายลอตเตอรี่ยังคงขายดีอย่างต่อเนื่องและไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว โดยขายหมดเกลี้ยงทุกงวด งวดละ 100 ล้านใบ ขณะที่หน่วยงานนำส่งรายได้รองลงมา ได้แก่ บริษัท ปตทคำพูดจาก ทดลองเล่นสล็อตทุกค่ายไม่ต้องสมัคร. จำกัด (มหาชน) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ธนาคารออมสิน และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เป็นต้น ทั้งนี้ รัฐวิสาหกิจที่นำส่งรายได้แผ่นดินสะสมสูงสุด 10 อันดับแรก ณ สิ้นไตรมาส 3 ปีงบประมาณ 2566 มีดังนี้

สำหรับ 10 อันดับ รัฐวิสาหกิจ เงินนำส่งรายได้แผ่นดิน

1 สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล 32,729 ล้านบาท

2 บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) 29,198 ล้านบาท

3 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย 11,507ล้านบาท

4 ธนาคารออมสิน 11,055 ล้านบาท

5 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค 8,637 ล้านบาท

6 การทางพิเศษแห่งประเทศไทย 5,075 ล้านบาท

7 การท่าเรือแห่งประเทศไทย 4,879 ล้านบาท

9 ธนาคารอาคารสงเคราะห์ 4,731 ล้านบาท

8 การไฟฟ้านครหลวง 3,804 ล้านบาท

10 การประปานครหลวง 2,387 ล้านบาทคำพูดจาก ทดลองเล่น

11 อื่นๆ 8,828 ล้านบาท

 รวม 122,830 ล้านบาท

+++ หมายเหตุ : ข้อมูลเงินนำส่งรายได้แผ่นดินของรัฐวิสาหกิจที่กระทรวงการคลัง โดย สคร. จัดเก็บ ไม่รวมเงินนำส่งรัฐประเภทอื่น เช่น ภาษีหรือค่าธรรมเนียมอื่นๆ

เห็นแล้วหิว เปิดเมนูสินค้าจีไอ จากเชฟมิชลิน สู่อาหารระดับไฟน์ไดนิ่ง

เมื่อเร็วๆ นี้ กรมทรัพย์สินทางปัญญา ได้ชวนนักชิม-กูรูอาหารชื่อดัง ร่วมพิสูจน์คุณภาพความอร่อย จากอาหารที่ผลิตจากสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ GI (จีไอ) ไทย ในงาน “สัมผัสสำรับ GI สุดประณีตด้วยเชฟมิชลิน” เป็นความร่วมมือจากร้านวรรณยุค โดยฝีมือของเชฟชาลี กาเดอร์ เจ้าของรางวัลบิบ กูร์มองด์ จากมิชลินไกด์ประเทศไทยคำพูดจาก คาสิโนออน

ทั้งนี้ ร้านวรรณยุค ร้านอาหารไทยระดับ Fine Dining ได้นำวัตถุดิบ GI ถึง 23 รายการ มารังสรรค์เป็นเมนูอาหารสุดพิเศษ ที่ผสมผสาน ความเป็นไทยและสากลได้อย่างลงตัว โดยขายได้ต่อหัวสูงถึงคอร์สละหลายพันบาท

  • น้ำพริกลงเรือจากไข่เค็มไชยา
  • หมูย่างมะขามเทศเพชรโนนไทย
  • ขนมเบื้องญวนไชโป๊โพธาราม
  • ปลากะพงสามน้ำทะเลสาบสงขลาย่าง
  • ยำปลาดุกร้าทะเลน้อยพัทลุงใส่มะพร้าวอ่อน
  • เนื้อโคขุนโพนยางคำเค็ม
  • ยำเนื้อมังคุดเขาคีรีวง ชูรสด้วยกระเทียมศรีสะเกษ หอมแดงศรีสะเกษ และพริกไทยจันท์

ด้านนายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กล่าวว่า การเพิ่มมูลค่าด้วยสินค้า GI สุดท้ายจะสะท้อนกลับไปที่ชุมชน ชาวบ้านจะมีรายได้เพิ่มมากขึ้น กรมทรัพย์สินทางปัญญาเข้าไปช่วยพัฒนาควบคุมคุณภาพ และหาช่องทางการตลาดที่จะโปรโมตสินค้า วันนี้จะให้ขึ้นไปอยู่ในระดับมิชลิน ในงานนี้ได้นำนักชิมและกูรูด้านอาหารชื่อดังของเมืองไทยมาร่วม เปิดประสบการณ์ลิ้มรสอาหารไทยระดับ Fine Dining และถ่ายทอดประสบการณ์สู่ผู้ชมในโลกออนไลน์ เผยแพร่อัตลักษณ์วัฒนธรรมอาหารไทย สร้างการรับรู้สินค้า GI ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ซึ่งอินฟลูเอนเซอร์ ที่นำมา มีผู้ติดตามรวมกันถึง 10 ล้านคนคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

‘โตโยต้า’ ผนึกกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ยกระดับธุรกิจชุมชนไทย

นายนันทวัฒน์ ศรีวรัตน์อัชกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมา ได้ทำพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อยกระดับการพัฒนาธุรกิจชุมชนไทยอย่างครบวงจร ควบคู่สิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน คำพูดจาก ฟรี เกมสล็อตทดลองเล่น

ทั้งนี้ โครงการ “โตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์” เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557 โดยเกิดจากความมุ่งหวังที่จะมีส่วนช่วยในการแก้ไขปัญหา ปรับปรุง และพัฒนาการดำเนินงานของธุรกิจชุมชนไทย อันเป็นภาคส่วนที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของประเทศไทย ให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน เพิ่มพูนกำไร และดำเนินธุรกิจด้วยตนเองได้อย่างยั่งยืน 

โดยตลอดระยะเวลา 10 ปี ที่ผ่านมา โครงการ “โตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์” ได้มีส่วนเข้าไปช่วยเหลือธุรกิจชุมชนในลักษณะของการเป็น “พี่เลี้ยงทางธุรกิจ” โดยร่วมศึกษาถึงสาเหตุของปัญหา พร้อมนำองค์ความรู้และปัจจัยแห่งความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจของโตโยต้า ได้แก่ วิถีโตโยต้า ระบบการผลิตแบบโตโยต้า และหลักการไคเซ็น เข้าไปถ่ายทอดและประยุกต์ใช้ในการปรับปรุงให้เหมาะสมกับบริบทและความพร้อมของธุรกิจชุมชนต่างๆ มีส่วนช่วยให้การดำเนินงานของธุรกิจเหล่านี้มีการพัฒนาและได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นในด้านต่างๆ อย่างเป็นรูปธรรม สามารถลดต้นทุน เพิ่มผลิตภาพ และสร้างผลกำไร พร้อมทั้งได้มีการยกระดับไปสู่การเปิดเป็น “ศูนย์การเรียนรู้โตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์” 6 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่ครบทุกภูมิภาคทั่วประเทศ 

นอกจากนี้ โตโยต้ายังได้มีการขยายผลโดยนำองค์ความรู้และประสบการณ์จากการดำเนินโครงการ ไปถ่ายทอดเพื่อพัฒนาศักยภาพธุรกิจ โดยความร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ อาทิ ความร่วมมือกับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ในการดำเนินงานศูนย์ปฏิรูปอุตสาหกรรมในจังหวัดกรุงเทพฯ นครราชสีมา ชลบุรี และโครงการ ชุมชนดีพร้อม ตลอดจนการจัดอบรมสัมมนาให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจชุมชนจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศอีกด้วย ทำให้ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา การขยายผลต่อยอดองค์ความรู้ของโครงการโตโยต้าธุรกิจชุมชนพัฒน์ ได้มีส่วนช่วยในการพัฒนาธุรกิจต่างๆ ไปแล้ว 2,089 ธุรกิจ ช่วยเพิ่มพูนผลกำไรได้เป็นมูลค่ารวม 805 ล้านบาท และส่งต่อองค์ความรู้ให้แก่ผู้ประกอบการและผู้คนทั่วไปที่สนใจเรียนรู้ไปแล้วกว่า 100,000 คน

สำหรับการก้าวสู่ปีที่ 11 ของโครงการ โตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์ มีความมุ่งหวังที่จะยกระดับการถ่ายทอดองค์ความรู้เพื่อช่วยปรับปรุงและพัฒนาธุรกิจชุมชนไทยให้ครอบคลุมในทุกมิติของการดำเนินงานอย่างครบวงจร ควบคู่ไปกับการส่งเสริมแนวคิดด้านสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน จึงนำมาสู่การลงนามความร่วมมือกับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ในการส่งเสริมความร่วมมือและสนับสนุนโครงการต่าง ๆ อาทิ

1) การถ่ายทอดความรู้เชิงขั้นตอนให้กับผู้ประกอบการชุมชน ผ่านโครงการโตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์ เพื่อยกระดับขีดความสามารถของผู้ประกอบการชุมชน ในการบริหารจัดการได้อย่างเป็นระบบ เพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตให้ได้มาตรฐาน พร้อมเสริมความรู้เกี่ยวกับการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมในสถานประกอบการ ร่วมกับการเสริมทักษะในด้านอื่นๆ ที่จำเป็นในการดำเนินธุรกิจให้แก่ผู้ประกอบการ โดยการสนับสนุนจากกองพัฒนาอุตสาหกรรมชุมชน กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมคำพูดจาก ทดลองปั่นสล็อต

2) กิจกรรมพัฒนาสถานประกอบการด้วยเทคโนโลยีอัตโนมัติผ่านกลไกความร่วมมือ Global Player ซึ่งจัดขึ้นโดยกองพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีอุตสาหกรรม และบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ภายใต้การดำเนินการร่วมกับบริษัทโตโยต้า ออโต้ บอดี้ ประเทศไทย จำกัด ตลอดระยะเวลา 3 ปี กับอีก 23 บริษัท โดยการนำองค์ความรู้ทั้งด้านการจัดการการผลิตและการนำเทคโนโลยีเครื่องจักรอัตโนมัติ มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ คุณภาพ และลดต้นทุนการผลิตให้ผู้ประกอบการไทย

3) การร่วมดําเนินโครงการอื่น ๆ ที่มีความสนใจร่วมกัน

สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ ถือเป็นการยกระดับการส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการไทย ผ่านองค์ความรู้ด้านการผลิตที่เป็นจุดเด่นของโตโยต้า โดยส่งเสริมทั้งในด้านผลิตผล คุณภาพ การส่งมอบสินค้า การบริหารสินค้าคงคลัง และการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งส่งเสริมแนวคิดด้านสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน สอดคล้องกับแนวทางของภาครัฐ ที่ส่งเสริมนโยบายความเป็นกลางทางคาร์บอนสู่ระดับชุมชน

ในขณะที่กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ซึ่งพร้อมให้การสนับสนุนแก่ผู้ประกอบการไทยอย่างรอบด้าน จะเป็นส่วนที่ช่วยเติมเต็มการพัฒนาในด้านอื่นๆ ที่ผู้ประกอบการไทยต้องการ อาทิ ทักษะการบริหารจัดการของผู้ประกอบการ การตลาด การเงินการบัญชี การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ ระบบโลจิสติกส์ ตลอดจนด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีต่างๆ โดยองค์ประกอบทางความรู้ต่างๆ เหล่านี้ จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการไทย ในการพัฒนาศักยภาพการขับเคลื่อนธุรกิจของตนเองได้อย่างครบวงจร เพื่อตอบสนองต่อนโยบายของภาครัฐสู่อุตสาหกรรม 4.0 และช่วยยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยได้อย่างยั่งยืน ตลอดจนเป็นส่วนหนึ่งในกลไกสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก และสร้างเสถียรภาพแก่เศรษฐกิจของประเทศต่อไป

‘ซูซูกิ’ ยกทัพลุยงานมอเตอร์เอ็กซ์โป ชูรุ่นพิเศษ คุ้มค่า คุ้มราคา

นายทาดาโอะมิ ซูซูกิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สำหรับการเข้าร่วมงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40 หรือ Thailand International Motor Expo 2023 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน – 11 ธันวาคม 2566 ณ อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ 1-3 เมืองทองธานี ซูซูกิ ยังคงนำรถยนต์ซูซูกิทุกรุ่นเข้าร่วมจัดแสดงภายในงาน ภายใต้แนวคิด “Energized your drive ” สื่อสารถึงยนตกรรมของซูซูกิที่เปี่ยมไปด้วยการออกแบบในสไตล์ที่โดดเด่นผสานกับเทคโนโลยีรวมถึงฟังก์ชันการใช้งาน เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าในการใช้งานได้อย่างคุ้มค่าคุ้มราคา

งานมหกรรมยานยนต์ยังคงเป็นงานที่มีส่วนสำคัญในการกระตุ้นตลาดรถยนต์ในช่วงท้ายของปี ซึ่งเรามีความมุ่งหวังว่าการเข้าร่วมงานในครั้งนี้จะมีส่วนช่วยผลักดันยอดขายรถยนต์ซูซูกิให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา (เดือนมกราคม-เดือนตุลาคม 2566) ซูซูกิมียอดจำหน่ายรวมจำนวน 10,480 คัน SUZUKI SWIFT สปอร์ตอีโคคาร์รุ่นยอดนิยม จำนวน 4,764 คัน SUZUKI CELERIO จำนวน 2,153 คัน SUZUKI CARRY 2,125 คัน SUZUKI XL7 จำนวน 681 คัน SUZUKI ERTIGA SMART HYBRID จำนวน 334 คัน และ SUZUKI CIAZ จำนวน 390 คัน โดยเชื่อมั่นว่าในช่วงระยะเวลาที่เหลือจะช่วยสร้างยอดขายให้เติบโตสูงขึ้นอย่างแน่นอน

นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สำหรับการเข้าร่วมงาน มหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 40 นี้ เพื่อให้ผู้เข้าชมงานได้สัมผัสถึงความเป็นเอกลักษณ์ของยนตกรรมจากซูซูกิ ซึ่งจะได้พบกับผลิตภัณฑ์ซูซูกิทุกรุ่น นำโดย SUZUKI SWIFT GL NEXT รถซึ่งถูกพัฒนาต่อยอดมาจาก SUZUKI SWIFT GL ที่เป็นพื้นฐานความสำเร็จของรุ่นตกแต่งพิเศษหลายเวอร์ชัน และได้รับความนิยมจนสร้างยอดขายให้ซูซูกิได้เป็นอย่างดี กับแนวคิด “NEXT to the edge ขับสนุกเต็มขั้น เร้าใจเกินพิกัด” พิเศษด้วยชุดแต่งรอบคันที่ถูกออกแบบมาเพื่อลูกค้าซูซูกิโดยเฉพาะ

SUZUKI SWIFT GL NEXT พร้อมการตกแต่งด้วยชุดแต่ง GL NEXT ชุดสเกิร์ตรอบคัน บ่งบอกถึงความพิเศษและเป็นเอกลักษณ์ด้วยชุดสติกเกอร์ลายใหม่ GL NEXT Edition ที่จะถ่ายทอดทุกความเร้าใจให้คุณสัมผัสได้ถึงความแตกต่าง ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 582,000 บาท

SUZUKI CELERIO รถยนต์นั่งขนาดคอมแพ็คคุณภาพเกินตัว มอบความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงกว่า 20 กิโลเมตรต่อลิตร โดดเด่นด้วยการเป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็กที่มอบความคุ้มค่าคุ้มราคาและตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างสูงสุด ส่งผลให้ฐานลูกค้าในปัจจุบันไม่ใช่แค่เพียงแค่วัยรุ่นและวัยทำงาน แต่ยังเป็นหนึ่งในรถทางเลือกของครอบครัวขนาดเล็กอีกด้วย โดยมีทั้งในรุ่นเกียร์ธรรมดา และเกียร์อัตโนมัติ CVT ราคาเริ่มต้นที่ 338,000 บาท รุ่นมาจัดแสดงในงาน SUZUKI CELERIO GL UP ด้วยชุดแต่งพิเศษ GL UP ราคาจำหน่ายที่ 423,- 451,000 บาทคำพูดจาก ฟรี เกมสล็อตทดลองเล่น

SUZUKI ERTIGA SMART HYBRID -The Power of Smart เต็มที่ทุกฟังก์ชัน เต็มพลังสมาร์ทไฮบริด รถอเนกประสงค์ MPV ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ SMART HYBRID ด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ SHVS จากซูซูกิ ที่ผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า Integrated Starter Generator หรือ ISG พร้อมแบตเตอรี่ Lithium-ION ประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 17.9 กิโลเมตรต่อลิตร รับประกันอายุแบตเตอรี่นานถึง 5 ปี ราคาจำหน่ายเริ่มต้น 783,000 บาท

SUZUKI CIAZ ฉีกกฎความคุ้มค่า ด้วยสัมผัสสบายสไตล์อีโคซีดาน ที่มาพร้อมกับฟังก์ชันการใช้งานพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอย่างครบครัน พื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง สะดวกสบาย รองรับทุกการเดินทางได้อย่างลงตัว ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างคุ้มค่า คุ้มราคา จำหน่ายเริ่มต้นเพียง 528,000 บาท

SUZUKI XL7 รถยนต์ “Multi-Dynamic Crossover” ขนาด 7 ที่นั่ง รถยนต์สำหรับครอบครัว ที่มีมิติรถขนาดใหญ่ที่มีความยาว 4,450 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,775 มิลลิเมตร ความสูง 1,710 มิลลิเมตร และความสูงใต้ท้องรถ 200 มิลลิเมตร มอบวิสัยทัศน์และสมรรถนะในการขับขี่ ทุกฟังก์ชันการใช้งานอย่างครบครัน ในราคาที่คุ้มค่า 814,000 บาท

SUZUKI CARRY รถกระบะบรรทุกอเนกประสงค์ ที่ถูกออกแบบมาให้มีรูปลักษณ์ที่พร้อมจะนำไปดัดแปลงและพัฒนาต่อยอดให้เข้ากับทุกแนวทางของการดำเนินชีวิต เป็นได้ทั้ง Goods Truck และ Service Truck ที่สามารถต่อยอดในการในการทำธุรกิจอื่นๆ การช่วยเหลือสังคม ราคาจำหน่ายเพียง 395,000 บาท ไฮไลต์สำคัญ คือ การนำรถกระบะบรรทุกอเนกประสงค์ SUZUKI CARRY มาตกแต่งภายใต้แนวคิด Luxury Mobile Restroom ยกระดับการออกแบบห้องน้ำเคลื่อนที่ให้มีความครบครัน

สำหรับรุ่นยอดนิยม SUZUKI SWIFT นำมาตกแต่งในสไตล์ Camping ถูกออกแบบให้ลูกค้านำไปใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน สามารถบรรทุกสิ่งของบนแร็คหลังคาที่ โดยรับน้ำหนักได้ถึง 50 กิโลกรัม บรรทุกสัมภาระได้สะดวกสบาย มาพร้อมการตกแต่งไฟหน้ารถ Smiley เพื่อเพิ่มแสงสว่างและทัศนวิสัยในเวลากลางคืน และอีกหนึ่งรุ่น เอาใจสายแต่งจากกลุ่มลูกค้าที่ชอบแต่งรถด้วยรูปลักษณ์โฉบเฉี่ยวทันสมัย ด้วยดีไซต์สปอร์ต ดูเท่แบบลงตัว พร้อมเพิ่มสมรรถนะการใช้งานยิ่งขึ้นด้วยยาง Dunlop 195/55/R15 พร้อมชุดแต่ง Mini BBT รอบคัน คิ้วซุ้มล้อและสปอยเลอร์หลังแบบแนบอีกด้วย

ซูซูกิ ยังเตรียมข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับลูกค้าทุกท่านให้สามารถเป็นเจ้าของรถยนต์ซูซูกิทุกรุ่นได้ง่ายยิ่งขึ้น เพียงจองรถภายในงานมหกรรมยานยนต์นี้รับแคมเปญพิเศษ “SUZUKI TRIPLE BONUS DEAL” ดีลโดนใจ โบนัสใหญ่ 3 ต่อ ส่งท้ายปี มอบให้ลูกค้าที่จองและรับรถยนต์ซูซูกิ ตั้งแต่วันนี้ถึง วันที่ 31 ธันวาคม 2566 ซูซูกิช่วยผ่อน เดือนละ 1,500 บาท นาน 2 ปี หรือ เลือกรับส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่งสูงสุด 50,000 บาท (เฉพาะรุ่นที่ร่วมรายการ) หรือเลือกรับดอกเบี้ยพิเศษ 0% พิเศษ! ส่วนลดเพิ่มเติมอีก 15,000 บาท สำหรับข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ บุคลากรทางการแพทย์ หรือ เกษตรกรผู้ขึ้นทะเบียนเกษตรกร พร้อม ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่งในปีแรกสำหรับรถยนต์ซูซูกิทุกรุ่น

ทั้งนี้ รายละเอียดและเงื่อนไขต่างๆ เป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด ผู้สนใจสามารถเยี่ยมชมและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่บูธรถยนต์ซูซูกิ ภายในงานมหกรรมยานยนต์ ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน -11 ธันวาคม 2566 ณ อิมแพ็คชาเลนเจอร์ 1-3 เมืองทองธานี หรือติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่โชว์รูมรถยนต์ซูซูกิทั่วประเทศใกล้บ้านคำพูดจาก ทดลองสล็อต ใหม่ล่าสุด